วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ช้อปหยุดโลก!

ช็อปหยุดโลก!

ช็อปหยุดโลก!

ช็อปหยุดโลก!

ช็อปหยุดโลก!

ช็อปหยุดโลก! 
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรโมชั่น BIG C ช็อปหยุดโลก 1 ธค.55 วันเดียวเท่านั้น! 






โอ้โห แค่เห็นข้อความกับใบปลิวนี้ก็ตื่นเต้นจนอยากช็อปกันแล้วใช่มั๊ยคะ

แต่ว่า1 ธันวามันผ่านไปแล้ว นุ่นเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงได้ไปช็อปกระจายสบายกระเป๋ากันมา



วันนี้นุ่นก็จะขอพูดถึง "สิ่งพิมพ์ที่มีอิทธิพลต่อสังคม"

          สิ่งพิมพ์มีหลายประเภท แบ่งได้ตาม วัตถุประสงค์ การใช้งาน การเรียนรู้

          สิ่งพิมพ์ที่นุ่นยกมาในวันนี้ คือ สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร (โบรชัวร์)



ว่าแต่โบรชัวร์คืออะไร?

          "โบรชัวร์" นั้นเป็นที่มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า "Brochure"โดยใช้เรียกทับศัพท์ของ สิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่ง ในความหมายที่แท้จริงแล้วคือโบรชัวร์หมายความถึงหนังสือเล่มเล็กซึ่งก็หมายถึง จะต้องมีการเย็บเล่ม เข้าด้วยกันนั่นเอง

          ลักษณะที่สำคัญของโบรชัวร์ หรือเอกสารเย็บเล่ม ก็คือ เป็นสิ่งพิมพ์เฉพาะกิจที่มุ่งเสนอข่าวสารเป็นการเฉพาะและต้องการ เนื้อหารายละเอียดที่สามารถบรรจุได้มากกว่าแผ่นพับทั่วๆไป รวมทั้งในการจัดทำโบรชัวร์จะมีการเอาใจใส่ในคุณภาพ ทางการพิมพ์มากกว่างานพิมพ์ประเภทจุลสาร

          ส่วนรูปแบบโบรชัวร์ มักจะทำเล่มแบบเย็บมุงหลังคา ซึ่งจะต้องมีปกหน้า-หลังด้วยนั่นเอง ปัจจุบันอาจจะมีหลายขนาดและอาจจะ ไม่เย็บเล่ม แต่เป็นการพับเก็บเล่มก็ได้  

          ตัวอย่างงานพิมพ์โบรชัวร์ที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น เอกสารโฆษณาสินค้า เอกสารแนะนำองค์กร บริษัท ร้านค้า เป็นต้น  



          ความหมายของโบรชัวร์ตรงตามที่เราได้เห็นกันทั่วๆไป คือ เป็นสิ่งพิมพ์เฉพาะกิจที่มุ่งเสนอข่าวสารเป็นการเฉพาะ โบรชัวร์เป็นการมุ่งเสนอข่าวสารการลดราคา การขายสินค้าโดยเฉพาะ ซึ่งโบรชัวร์นั้นจะมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปและไม่หนาจนเกินไป อ่านได้ง่าย สะดวก และมีสีสัน จึงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้
          
          โบรชัวร์ที่ยกมานั้นมีการพาดหัวหรือการใช้ข้อความที่น่าสนใจ คือ  ช้อปหยุดโลก แล้วจึงมีข้อความต่างๆตามมาตามความเหมาะสม เมื่อผู้อ่านได้เห็นประโยคนี้กจะทำให้เกิดความสนใจที่จะอ่านในบรรทัดต่อๆไปตามมา ซึ่งเป็นการเสนอขายสินค้าที่มีความน่าสนใจแบบหนึ่ง



ทำไมสิ่งพิมพ์ชิ้นนี้จึงมีอิทธิพลต่อสังคม
          จากข้อความที่เป็นจุดสนใจในโบรชัวร์จึงทำให้ผู้คนอยากที่จะรู้ข้อความต่อๆไป และมีการโปรโมทเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้คนสนใจ บางคนถึงกับตั้งตารอคอยวันที่ 1 ธันวาคม 2555 หรือบางคนอาจจะอยากรู้ว่า ช็อปหยุดโลกจริงหรอ ลดราคาเยอะขนาดนั้นจริงหรอ จึงทำให้ในวันดังกล่าวห้างบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศเต็มไปด้วยขาช็อป บางคนอาจจะได้ของกลับมาเยอะ บางคนได้กลับมาน้อย หรือบางคนอาจไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่ก็คงไม่สำคัญเท่ากับ การโปรโมทด้วยโบรชัวร์ ของบิ๊กซีครั้งนี้ได้รับความสนใจจากคนในสังคมเป็นจำนวนมาก

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ว่าด้วยเรื่อง โปสเตอร์หนัง

วันนี้เราจะมาพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์กัน

เคยสงสัยมั๊ยว่า แบบไหนถึงเรียกว่าสื่อสิ่งพิมพ์


     “สื่อสิ่งพิมพ์” คือ “สิ่งที่พิมพ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุใดๆ ด้วยวิธีการต่างๆ อันเกิดเป็นชิ้นงานที่มีลักษณะเหมือน ต้นฉบับขึ้นหลายสำเนาในปริมาณมากเพื่อเป็นสิ่งที่ทำการติดต่อ หรือชักนำให้ผู้อื่นได้เห็นหรือทราบ ข้อความต่างๆ”


ทีนี้เราก็รู้จักสื่อสิ่งพิมพ์กันแล้วนะคะ วันนี้นุ่นมีสื่อสิ่งพิมพ์ที่ชอบมานำเสนอ



นั่นก็คือโปสเตอร์หนังค่ะ




โปสเตอร์หนังเรื่อง Cinema Paradiso (เป็นหนังของประเทศ อิตาลี)

ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบโปสเตอร์หนังเรื่องนี้หรอคะ ลองมาอ่านคำอธิบายข้างล่างกันดีกว่า

ไม่แน่นะถ้าเห็นการสื่อความหมายของโปสเตอร์ชิ้นนี้อาจจะชอบเหมือนที่นุ่นชอบก็ได้นะคะ



ในภาพจะเห็นว่ามีผู้ใหญ่และเด็กกำลังขี่จักรยานด้วยกัน บนเส้นทางหนึ่ง ซึ่งทางนั้นก็คือแผ่นฟิล์มที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด นั่นแสดงให้เห็นว่าในหนังเรื่องนี้มีผู้ใหญ่และเด็กเป็นตัวดำเนินเรื่อง โดยมีความเกี่ยวข้องกับฟิล์มภาพยนตร์ หรือบนเส้นทางของฟิล์มนั่นเอง และสีสันในภาพนั้นก็เป็นโทนสีที่ค่อนข้างคลาสสิค ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ฟิล์มมันมีความคลาสสิคในตัวของมันเองด้วยค่ะ

สั้นๆง่ายๆแค่นี้ คือสิ่งที่นุ่นได้รับการสื่อมาจากโปสเตอร์แผ่นนี้


นุ่นไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคนที่ออกแบบโปสเตอร์เขาต้องการสื่อความหมายเช่นนี้หรือไม่ แต่นุ่นคิดว่า อย่างน้อยนุ่นก็น่าจะเดาถูกสักอย่างแหละเนอะ



เห็นโปสเตอร์แล้วก็อย่าลืมไปหาภาพยนตร์เรื่อง  Cinema Paradiso มาดูกันนะคะ 

ภาพยนตร์เรื่องนี้การันตีด้วยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

     - รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์แห่งเมืองคานส์ เมื่อปี 1989 

     - รางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี1989

     - รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในสาขาใช้ภาษาต่างประเทศ

     - รางวัลลูกโลกทองคำ และบาฟต้า ในปี 1990

รางวัลการันตีเยอะขนาดนี้ไม่หามาดูไม่ได้แล้วหละค่ะ แต่อาจจะหาดูยากหน่อยนะ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างและออกฉายเมื่อปี 1988

แต่ถ้ายังจำกันได้ อุทยานการเรียนรู้ TK Park ที่นุ่นเคยได้แนะนำไป ที่นั่นมีภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ดูแน่นอนค่ะ


วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมืองมุมฉาก


เรื่องย่อ
          5 เรื่องสั้น ในฉากมหานครนิวยอร์กก่อนโศกนาฏกรรม 9/11 "เมืองมุมฉาก" คือหนังสือเล่มแรกของ ปราบดา หยุ่น ที่สร้างความฮือฮา เมื่อวางแผงในปี พ.ศ. 2543 ก่อนที่ปราบดาจะได้รับรางวัลซีไรต์ จาก ความน่าจะเป็น ในปี พ.ศ. 2545 ปราบดาใช้ประสบการณ์ที่ได้จากการพำนักอาศัยร่ำเรียนในนิวยอร์กอยู่นาน 6 ปี ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับตัวละคร 5 แบบ ศิลปินชาวญี่ปุ่น นักสืบชาวจีน นางแบบสาวชาวฝรั่งเศส อดีตกวีใหญ่ชาวรัสเซีย และพ่อลูกหนึ่งชาวไทย ทั้งหมดใช้ชีวิตอย่างมีปมขมหวาน เชื่อมโยงกับตำนานในแต่ละย่านของนิวยอร์ก





          หนังสือ'เมืองมุมฉาก' เขียนโดย ปราบดา หยุ่น ตอนแรกที่เห็นแค่เห็นชื่อหนังสือก็สนใจแล้ว แต่พอลองเปิดผ่านๆข้างใน ตัวหนังสือเยอะแยะเต็มไปหมด เริ่มรู้สึกขี้เกียจอ่าน แต่ด้วยความที่คนขายบอกว่าเล่มนี้สนุกนะ จึงลองอ่านดูสักนิด แค่นั้นแหละ ติดใจต้องซื้อกลับไปอ่านต่อที่บ้านเลยทีเดียว


          หนังสือเล่มนี้ได้รวม5เรื่องสั้น ผ่านตัวละครที่แตกต่างกัน เหตุการณ์ที่ต่างกัน แต่เกิดขึ้นในมหานครนิวยอร์กเหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เหมือนเป็นการสะท้อนปัญหาของสังคม ถึงแม้เหตุการณ์ในหนังสือจะเกิดขึ้นที่ มหานครนิวยอร์ก แต่ก็อาจจะพบเจอได้บ่อยครั้งเมื่ออยู่ประเทศไทย ทำให้คิดว่าเขาเขียนจนเราอินไปกับหนังสือรึเปล่านะ หรือมันเกิดขึ้นจริงจนเราชิน


          อ่านหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ได้เห็นปัญหาของสังคมเท่านั้น ยังได้เห็นวิถีชีวิต ความคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนั้นล้วเกิดมาจากประสบการณ์ชีวิตล้วนๆ แม้แต่ตัวละครที่เป็นเด็กในหนังสือเล่มนี้ ก็สามารถคิดได้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกหรือผิด เด็กคนหนึ่งไม่เคยได้เรียนรู้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือคล้ายคลึงกันจึงทำให้ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด ต่างจากเด็กอีกคนที่เคยได้เรียนรู้ผ่านญาติผู้ใหญ่ ทำให้หวนคิดได้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นมันไม่ดีนะ


          สำหรับคนที่คิดว่าจะใช้การลำดับเหตุการณ์อย่าง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ กับหนังสือเล่มนี้แล้วละก็ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนัก เพราะในหนังสือเล่มนี้มีการเขียนที่เดาทางยากมีการผูกเรื่องในแบบที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เกิดขึ้นได้ในหนังสือเล่มนี้ นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ยังทำให้อินไปกับมัน รู้สึกเพลิดเพลิน สนุกสนาน และชวนให้ติดตามอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะมีเรื่องขำขันที่ปนความแสบ  มีเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ หรือแม้กระทั่งสำนวนการเขียนที่น่าสนใจของคุณปราบดา หยุ่น

       

           ลองมาดูเรื่องย่อกันสักตอนอาจทำให้ยิ่งอยากไปหามาอ่านกันมากขึ้น
           มีพ่อลูกคู่หนึ่ง เดินทางจากเมืองไทยไปยังมหานครนิวยอร์ก การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนขอผู้เป็นย่าของเด็ก ด้วยเหตุผลที่ว่า คนเมืองนอกนั้นต่างจากเมืองไทย ทั้งนิสัยใจคอ การใช้ชีวิต หน้าตา ความประพฤติ และอีกหลายๆอย่าง หากพาไปเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ ไปโตที่นั่นจะทำให้พูดภาษาไทยไม่ได้ ไม่รู้วัฒนธรรมไทย มีพฤติกรรมเหมือนคนที่นู่น แต่ผู้เป็นพ่อนั้นกลับคิดต่างกัน คือคิดว่าถ้าพาไปตั้งแต่เด็กๆจะได้พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ความคิดความอ่านจะโตกว่าเด็กไทยในวัยเดียวกันเมื่อกลับมาเมืองไทย ซึ่งสุดท้ายผู้เป็นพ่อก็สามารถพาลูกไปยังมหานครนิวยอร์กได้ตามต้องการ การเดินทางมาครั้งนี้ทำให้เด็กชายคนนี้ได้เรียนรู้เหตุผลต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว  และจากการเรียนรู้นั้น เมื่อเจอเหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ เด็กก็สามารถหาทางออกให้มันด้วยเหตุผลง่ายๆเหมือนที่พ่อและย่าหาเหตุผลง่ายๆขึ้นมาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

          เรื่องทั้งหมดจบลงด้วยเหตุผลง่ายๆ




        หากใครได้ลองอ่านแล้วก็ คงจะติดใจไม่น้อยกับ'เมืองมุมฉาก'

       

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มารู้จักCDกันเถอะ

          ถ้าพูดถึงแผ่นCDหลายๆคนก็คงคุ้นหู หรือรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว แล้วรู้รึเปล่าว่าลักษณธทั่วไปเป็นยังไง การใช้งาน การเก็บรักษาควรทำอย่างไร

          วันนี้นุ่นจะมาให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับCD จะเป็นยังไง จะเหมือนกับที่เคยรู้จักกันรึเปล่าต้องลองมาดูกันค่ะ

ลักษณะ
          CD มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกแบนกลม ผิวหน้าเคลือบด้วยโลหะสะท้อนแสงเพื่อป้องกันข้อมูลที่บันทึกไว้ มีทั้งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 และ 12 เซนติเมตร และมีรูกลมตรงกลางเรียกว่า “hub” ขนาด 15 มิลลิเมตร ซีดีแผ่นหนึ่งมีความจุข้อมูลตั้งแต่ 680 – 700 เมกะไบต์ สามารถเล่นได้นาน 74 – 80 นาที

ประเภท
          • CD-ROM
เป็นแผ่นดิสก์สำหรับอ่านอย่างเดียว (Read-only) ไม่สามารถทำการเพิ่มเข้าหรือลบข้อมูลออกได้ โดยทั่วไปใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆและโปรแกรม เช่น แผ่น Setup CD ของวินโดวส์เอ็กซ์พี เป็นต้น
ความจุของแผ่นดิสก์: 650 MB
การใช้งาน: สามารถใช้งานได้กับไดร์ฟ CD/DVD ของเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่น CD หรือ DVD

          • CD-R
เป็นแผ่นดิสก์ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า 1 ครั้ง (การบันทึกแต่ละครั้งเรียกว่า Session) แต่ไม่สามารถทำการลบข้อมูลออกได้
ความจุของแผ่นดิสก์: 650 MB และ 700 MB
การใช้งาน: สามารถใช้งานได้กับไดร์ฟ CD/DVD ของเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่น CD หรือ DVD โดยการบันทึกแต่ละครั้งจะต้องทำการปิด Session ให้เรียบร้อย

          • CD-RW
เป็นแผ่นดิสก์ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า 1 ครั้ง และยังสามารถทำการลบข้อมูลออกได้ ทั้งนี้สามารถทำการบันทึกข้อมูลและลบข้อมูลได้หลายครั้ง

การเก็บข้อมูล
          ตัวอักขระ มากถึง 680-700 ล้านอักขระ 
          ภาพเคลื่อนไหว ภาพกราฟิกเคลื่อนไหวที่ทำจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์หลายพันภาพ 
          ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์ บันทึกภาพแบบบีบอัดได้ 74 นาที
          ภาพกราฟิก ในลักษณะภาพถ่าย ภาพวาด จำนวนหลายพันภาพ 
          เสียง สามารถบันทึกได้หลายรูปแบบ

การจับแผ่นCD
          แผ่นซีดีจะมี 2 ด้าน คือ ด้านหน้าพิมพ์ด้วยซิลก์สครีนเป็นชื่อแผ่น ด้านหลังมีลักษณะเป็นสีรุ้งมันวาวซึ่งเป็นส่วนบันทึกข้อมูล เมื่อจับแผ่นซีดีต้องระวังอย่าให้นิ้วมือโดนด้านบันทึกข้อมูล เนื่องจากจะเกิดความสกปรกทำให้การอ่านผิดพลาดได้ การจับแผ่นจึงควรจับเฉพาะริมขอบแผ่นและส่วนกลางแผ่นเท่านั้น

การเก็บรักษา
          1. เก็บแผ่นในกล่องหรือซองเพื่อป้องกันความสกปรกจากฝุ่นละออง รอยนิ้วมือ น้ำ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้อาจเกิดความผิดพลาดในการอ่านข้อมูลได้ 
          2. ถ้ามีความสกปรกบนแผ่น ให้ใช้น้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดสำหรับการใช้แผ่นซีดีโดยเฉพาะ ห้ามใช้น้ำยาล้างกระจกหรือสารละลายต่างๆ เป็นอันขาด แล้วใช้ผ้านุ่ม สะอาดๆ เช็ดจาดส่วนกลางออกไปยังขอบแผ่น และไม่ควรเช็ดในลักษณะวงกลม
          3. ถ้าต้องการเขียนข้อความบนแผ่นให้ใช้ปากกาปลายสักหลาดเขียนได้ แต่ห้ามใช้ปากกาลูกลื่น เพราะจะทำให้เกิดรอยบนแผ่นได้
          4. ไม่ติดสติกเกอร์บนแผ่นซีดีถึงแม้จะเป็นด้านที่มีชื่อแผ่นก็ตาม





          หวังว่าทุกคนคงจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับCDเพิ่มมากขึ้นนะคะ ยังไงก็อยากให้ใช้งานกันให้ถูกวิธี และช่วยกันบอกต่อสำหรับผู้ที่ใช้งานไม่เป็น เพื่อจะได้ใช้งานกันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด



วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยเรื่อง ภาพยนตร์เพื่อการศึกษากับศตวรรษที่21


การปฏิรูปการศึกษาที่แท้ควรปฏิรูปกระบวนทัศน์ด้วย ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่นี้ “กระบวนการเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้” และ “ครูมิใช่ผู้มอบความรู้” แต่เป็น “ผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กและเยาวชน”

เป้าหมายของการเรียนรู้มิใช่ตัวความรู้อีกต่อไป เพราะตัวความรู้นั้นมีมายมายมหาศาลเกินกว่าที่จะมอบให้นักเรียนแต่ละชั้นปีได้ อีกทั้งนักเรียนในศตวรรษใหม่มีหนทางค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากทุกหนแห่งทั้งในสิ่งแวดล้อมและอินเทอร์เน็ต

หากการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับกระบวนทัศน์เดิม คือมอบความรู้เป็นรายวิชาก็จะไม่ทันสถานการณ์โลก ที่ควรทำคือมีกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กและเยาวชนจะเรียนรู้อะไรบ้างขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน แต่ที่ทุกคนควรมีคือความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
 เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์

การศึกษาในศตวรรษที่21นั้น จะมีความแตกต่างไปจากในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะต่างไปจากเดิม ทั้งกระบวนการเรียนรู้ ความรู้ เทคโนโลยี หรือแม้กระทั้งสื่อต่างๆที่ใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งสิ่งต่างๆจะพัฒนาไปมากหรือน้อย หรือมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย และอีกส่วนที่สำคัญคือ สื่อหรือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การเรียนรู้มีความแตกต่างกันไป


ลองมาดูสื่อการเรียนรู้ที่น่าจะได้รับการพัฒนาและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอนาคตกัน


นั่นคือภาพยนตร์เพื่อการศึกษา




ภาพยนตร์เพื่อการศึกษา คือ ภาพยนตร์ที่เสนอความรู้ตามเนื้อหาบทเรียนในหลักสูตรโดยจำกัดกลุ่มผู้ชมซึ่งเป็นผู้เรียนในชั้นเรียน

ลักษณะเด่นของสื่อชิ้นนี้ คือ ภาพยนตร์สามารถใช้ได้กับการเรียนทุกประเภท เช่น การสร้างทักษะ ในการเคลื่อนไหว (การกระทำด้วยมือ) เสริมสร้างความคิดความจำ ปลูกฝังทัศนคติ (สร้างความเข้าใจความซาบซึ้งและอุดมคติ)  และ ภาพยนตร์ยังเป็นเครื่องสร้างประสบการณ์ร่วมกันให้แก่นักเรียน (การที่นักเรียนทั้งหลายได้รู้ได้เห็นร่วมกัน เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพูด หรือการทำความเข้าใจร่วมกัน) อาจจะเป็นแนวทางช่วยในการอภิปรายและการตัดสินปัญหาร่วมกัน นอกจากนี้อาจใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องเสนอให้นักเรียนกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่าน การแสดงออก การจัดนิทรรศการ ฯลฯ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยังทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำในสิ่งที่เรียนได้ดีขึ้นด้วย

ถึงจะเห็นลักษณะเด่นไปในทางบวกแล้ว แต่ภาพยนตร์เพื่อการศึกษาก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านการผลิตซึ่งมีต้นทุนสูงมากและยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนด้วย ด้านดารใช้สื่อ เช่น ภาพยนตร์ที่นำไปเปิดนั้นอาจตรงตามวัตถุประสงค์ในเรื่องที่เรียนเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ยังต้องมีการพัฒนาเนื้อหาของภาพยนตร์เพื่อความเหมาะสมต่อไป

แม้ว่าภาพยนตร์เพื่อการศึกษาจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สื่อชิ้นนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมาะสมกับการเรียนรู้เป็นอย่างมากคือ สามารถเรียนรู้ได้ทุกเพศทุกวัยและทุกสถานที่ อย่างเช่นในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆมีการรองรับการใช้งานเกี่ยวกับภาพยนตร์มากขึ้น อาจจะมีการนำไฟล์ภาพยนตร์ใส่ในมือถือเพื่อไว้ดูเวลาว่าง ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเราสามารถคิด วิเคราะห์ เพิ่มเติมความรู้ และสร้างจินตนาการได้ตลอดเวลา

เราไม่จำเป็นจะต้องดูภาพยนตร์ที่เป็นความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถดูภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ต่างๆเพื่อให้ตอบสนองกับวิถีชีวิตของคน


สื่อจะดีหรือไม่ดีผู้ใช้เป็นผู้ตัดสิน ใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ให้เหมาะสม และใช้อย่างรู้คุณค่า



ตัวอย่างภาพยนตร์เพื่อการศึกษา

I Got It! – The Sugar Episode (รายการ ไอกอทอิท ตอน น้ำตาลหวานเจี๊ยบ)


ผู้กำกับ: ABS-CBN Foundation
ผู้อำนวยการสร้าง: Goethe-Institut in Cooperation with ABS-CBN Foundation
ปีที่สร้าง: 2553
ประเทศ: ฟิลิปปินส์
ความยาว: 10 นาที


 I Got It! – The Sugar Episode ได้รับรางวัลภาพยนตร์เพื่อการศึกษาในปีพ.ศ.2554
     รางวัลนี้มอบแด่ภาพยนตร์สื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก และ เยาวชนที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ชมวัย 6 ถึง 12 ปี มีการนำเสนอและอธิบายหลักการวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมแก่การทำความเข้าใจของเด็กในวัยเรียนซึ่งประกอบไปด้วยภาพและเสียง อีกทั้งช่วยส่งเสริมการเรียนการสอน ในห้องเรียนอีกด้วย
      คณะกรรมการมอบรางวัลภาพยนตร์เพื่อการศึกษาให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องด้วยเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับกลุ่มผู้ชมวัยเยาว์ที่มีอายุ 6 -12 ปี เป็นการนำเสนอเรื่องราวสั้นๆ สนุกสนาน ดึงดูดความสนใจ และ ให้ความรู้ได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการบริโภคความหวาน อีกทั้งได้นำเสนอให้เห็นว่าคนเราสามารถมีความสุขกับการรับประทานของหวานได้ด้วยการรับประทานผลไม้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เพื่อการศึกษาอย่างแท้จริงเพราะได้อธิบายให้เห็นถึงกระบวนการการผลิตน้ำตาลตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้มาจากต้นอ้อย นอกจากนี้ยังได้อธิบายเกี่ยวกับสรีรวิทยาในเรื่องของปุ่มรับรสบนลิ้นและความสำคัญของสมองในการวิเคราะห์การรับรสอีกด้วย


       รายการ  I Got It! ตอน The Sugar Episode มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของมุษย์ที่ว่า คนส่วนใหญ่ชอบทานของหวาน หรือแม้กระทั่งอาหารที่มีความหวานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แล้วทำไมคนถึงชอบมัน ความหวานเหล่านั้นเริ่มต้นมาจากไหน จะมีผลดีและผลเสียกับสุขภาพเราอย่างไร อย่าลืมนึกถึงผลที่จะตามมาของการบริโภคน้ำตาลด้วยหละ




เนื่องจากเป็นรายการของต่างประเทศ และมีการส่งประกวด ซึ่งข้อมูลที่หาได้นั้นมาจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ดังนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลนี้ จึงขออนุญาตแปะลิงก์เว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชม http://www.goethe.de/ins/th/prj/wif/vor/vhe/fil/th7884379.htm


    

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

ความหมายของศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

          ศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา คือ สถานที่ที่รวบรวมสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งการให้บริการ การผลิต การจัดหารวบรวม การสนับสนุน การใช้ และการให้คำปรึกษา อีกทั้งยังคอยสนับสนุนผู้เรียน ครูผู้สอน เจ้าหน้าที่ด้วยแหล่งทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้ตอบสนองกับหลักสูตร สร้างโอกาสการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน



ความสำคัญของศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาที่มีต่อสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา

  • เป็นแหล่งเตรียมงานด้านการสอนของผู้สอน
  • เป็นแหล่งพักผ่อน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
  • เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ ทั้งการทำรายงาน หรือการค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
  • เป็นแหล่งการศึกษานอกห้องเรียน ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง
  • เป็นแหล่งผลิตสื่อการสอน หรือสื่อต่างๆให้แก่สถาบันการศึกษา
  • เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ความรู้ต่างๆ
           ทั้งนี้ศูนย์บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาจะมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการด้วย หากทั้งสองฝ่ายไม่เห็นคุณค่าก็จะทำให้ศูนย์บริการนั้นไม่มีความสำคัญและไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่นิยมของกลุ่มเป้าหมาย และหากผู้ให้บริการไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ จำนวนผู้ใช้บริการก็จะลดลงและความสำคัญก็จะค่อยๆหายไปเช่นกัน



ตัวอย่างศูนย์ที่ดี คือ อุทยานการเรียนรู้ TK Park



TK park : หนังสือ + ดนตรี + กิจกรรม + มัลติมีเดีย = จินตนาการไม่รู้จบ


วิสัยทัศน์ ร่วมสร้างสรรค์สังคมการเรียนรู้


พันธกิจ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ร่วมสร้างสรรค์สังคมการเรียนรู้ โดยการสร้างทัศนคติและนิสัยรักการอ่าน การคิด และการแสวงหาความรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน


วัตถุประสงค์การจัดตั้งองค์กร

1. เป็นแหล่งการเรียนรู้ ที่เน้นการปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการแสวงหาความรู้ในบรรยากาศการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ทันสมัย
2. ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน การแสวงหาความรู้และการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ตลอดชีวิต
3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนและประชาชนมีโอกาสพัฒนา แลกเปลี่ยนและแสดงผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งสามารถสร้างนวัตกรรม ผลผลิตหรือชิ้นงานจากการผสมผสานด้านศิลปะ วัฒนธรรม ค่านิยมหรือวิถีชีวิต นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีในรูปแบบที่หลากหลาย

          สาเหตุที่เลือก TK Park เพราะว่า เป็นศูนย์สื่อที่ครบวงจร มีการให้บริการสื่อ การผลิตสื่อ และมีการจัดพื้นที่ในการผลิตและให้บริการสื่อแต่ละประเภทด้วย มีการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของอุทยาน และยังเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ด้วย
  • การให้บริการสื่อประเภทสิ่งพิมพ์ คือ มีหนังสือหลากหลายประเภทให้เลือกอ่าน เช่น การ์ตูน ความรู้ นวนิยาย ท่องเที่ยว นิตยสาร เป็นต้น และยังมีการให้บริการยืมหนังสือประเภทต่างๆ ทั้งหนังสือภาษาไทยและภาษาอังกฤษอีกด้วย

  • การให้บริการสื่อประเภทมัลติมีเดีย คือ มีมุมสำหรับให้ยืมภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ หรือหนังสั้นที่ผลิตโดยกลุ่มผู้ที่ผ่านการอบรมจากโครงการของTK Park มีมุมสำหรับเล่นเกมส์ที่เป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ และมีมุมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้สำหรับหาข้อมูลหรือทำงานต่างๆ

  • การผลิตสื่อ ทางTK Park จะมีโครงการและกิจกรรมอยู่เสมอ ตัวอย่างการผลิตสื่อ คือ การทำหนังสือภาพทำมือเพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ตามระยะเวลาที่กำหนดสำหรับกิจกรรมนั้นๆ การจัดพื้นที่ในการผลิตสื่อ โดยส่วนใหญ่จะจัดอยู่บริเวณลานสานฝัน หรือ ห้องประชุม

การจัดพื้นที่ให้บริการสื่อ จะแบ่งออกเป็นห้องๆ มีดังนี้
  • ห้องเด็ก(ห้องนี้จะมีหนังสือสำหรับเด็ก ที่นั่งอ่านหนังสือสำหรับเด็กเป็นรูปรังผึ้ง เป็นเบาะนิ่ม หรือโต๊ะสำหรับเด็ก) 

  • ห้องเงียบ(ห้องนี้เหมาะสำหรับการนั่งอ่านหนังสือ ห้ามคุยหรือส่งเสียงดัง) 

  • ห้องดนตรี(ห้องนี้จะมีการให้บริการหนังสือเกี่ยวกับดนตรี คอมพิวเตอร์และIPodสำหรับฟังเพลง และยังมีกีต้าร์ คีย์บอร์ดไว้ให้บริการ)

  • ห้องIT(ห้องนี้จะมีคอมพิวเตอร์ให้บริการเป็นจำนวนมาก มีหนังสือด้านเทคโนโลยี มีCDที่เป็นสื่อการเรียนรู้ และCDเพื่อความบันเทิง)


ข้อมูลอุทยานการเรียนรู้TK park : http://www.tkpark.or.th/tk/

       จากที่ยกตัวอย่างTK parkนั้น จะเห็นได้ว่าสถานที่ที่รวบรวมสื่อการเรียนรู้ในหลายๆประเภท และยังไม่จำกัดช่วงอายุของผู้ใช้งานด้วย 
สำหรับในระดับอุดมศึกษานั้น โดยส่วนใหญ่จะใช้บริการในด้านห้องเงียบและการหาข้อมูลของหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก และยังมีการใช้เวลาว่างโดยการนัดเพื่อนๆมาเล่นดนตรีคลายเครียด หรืออาจจะมาซ้อมกันเป็นวงเพื่อประกวดหรือจัดกิจกรรมต่างๆในมหาวิทยาลัยอีกด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นที่นิยมสำหรับวัยอุดมศึกษาก็คือ การเข้าฝึกอบรมกิจกรรมต่างๆหรือการทำกิจกรรมที่เป็นจิตอาสา สำหรับการฝึกอบรมนั้นโดยส่วนใหญ่จะอบรมนอกเหนือจากสิ่งที่เรียนในมหาวิทยาลัยหรืออบรมในสิ่งที่สนใจ ส่วนการทำกิจกรรมจิตอาสานั้นเพราะช่วงเวลาในการทำกิจกรรมไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นเวลาราชการเสมอไป สามารถมาทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน วันหยุด หรือในบางครั้งก็มีการออกนอกสถานที่ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มคนจิตอาสาต่างสถาบันเข้าด้วยกันและยังได้พบปะผู้คนได้พบเพื่อนใหม่ๆอีกด้วย ซึ่งข้อนี้ถือเป็นการได้เรียนรู้นอกห้องเรียนอีกด้วย