วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

ไปมาแล้วนะ!!! พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ

พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณถนนสีลม ซอยสีลม23 อยู่บริเวณหัวมุมถนนสีลม

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลา 10.00-21.00 น.

ค่าเข้าชม ชาวไทย 100 บาท (นักเรียน นักศึกษา 50บาท)  ชาวต่างประเทศ 200 บาท

สอบถามรายละเอียดโทร.0-2234-0291


       “พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยกรุงเทพฯ” เกิดขึ้นจากความรัก ความรอบรู้ และ ความเชี่ยวชาญในเปลือกหอยของ “คุณจอม : สมหวัง ปัทมคันธิน” สุดยอดแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอย 2 สมัย (ปี 2007 และปี 2008) ผู้คว้ารางวัลคะแนนโหวตสูงสุดปี 2008  ทายาทของคุณสมนึก ปัทมคันธิน เจ้าของพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ที่หาดราไวย์ จังหวัดภูเก็ต


ชื่อพิพิธภัณฑ์ชัดเจนอยู่แล้วว่า ที่นี่ต้องมี หอย หอย หอย


แล้วมันก็มีแต่หอยจริงๆด้วย

มองซ้ายก็หอย มองขวาก็หอย


ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมเหลือหอยชนิดต่างๆไว้มากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ทั้งหอยที่เป็นที่รู้จัก เป็นที่นิยม จนถึงหอยที่แทบจะไม่มีคนรู้จักเลย



ถ้าดูจากภายนอกคงจะเป็นว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เล็กมาก เพราะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย

แต่เมื่อได้เข้าไปดูด้านในแล้ว ต้องขอบอกว่ามันไม่เล็กอย่างที่คิด

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

มีการจัดแสดงทั้งหมด3ชั้น แต่ละชั้นมีการแบ่งเป็นมุมต่างๆอย่างชัดเจน

มีเนื้อหาอธิบายพร้อมตัวอย่างให้เห็นภาพ


หากใครที่ชื่นชอบเปลือกหอย ต้องห้ามพลาดที่จะไปเยี่ยมชมกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

ขอบอกว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

เทคโนโชว์เคสเคสเคสเคส

Techno show case คืออะไร?

จุดเริ่มต้นมาจากไหน?

ทำไปแล้วได้อะไร?




จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่อาจารย์ประจำวิชาอยากให้มีการจัดงานนี้เกิดขึ้น


การคุยงาน วางแผน ผิดพลาด แก้ไข ลงมือปฏิบัติ ผิดพลาด แก้ไข ผิดพลาด แก้ไข ผิดพลาด แก้ไข


วนเวียนไปอย่างนี้เกือบทุกวัน จนถึงวันจัดงานก็ยังมีความผิดพลาด และก็ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าต่อไป


แต่ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป หากไม่มีการผิดพลาด จะไม่รู้เลยว่างานของเรามันเป็นอย่างไร


ถึงแม้ความผิดพลาดจะทำให้เราต้องเหนื่อย ต้องมาแก้ไข ปรับปรุง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


แต่มันก็ทำให้ได้เรียนรู้ที่จะผิดพลาด เพื่อแก้ไข ให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุดเท่าที่เวลาและความสามารถจะทำได้




จากความผิดพลาดต่างๆ ทำให้งานนี้ออกมาค่อนข้างเหนือความคาดหมาย

หลังจบงานทุกคนมีดูภูมิใจกับผลตอบรับ ถึงมันจะไม่เต็ม100% แต่ทุกคนก็ยิ้มได้



นั่นเพราะอะไร?


ทุกคนคงมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ


แต่สำหรับฉันแล้ว เพราะเป็นงานที่พวกเราสร้างขึ้นมาด้วยมือของพวกเราเอง

พวกเราเริ่มจากศูนย์ ค่อยๆขยับขึ้นไป ในบางครั้งก็หล่นไปเหมือนกลับสู่จุดเริ่มต้น

แต่มือของพวกเราก็ช่วยกันผลักดัน ช่วยกันดึง ให้มันกลับขึ้นมาอยู่ที่สูง

จนออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เราสัมผัสได้ สัมผัสกับความสุขในความพยายามของพวกเราเอง




บางที...ความสุขก็มาจากจุดเริ่มต้นเล็กๆที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นความสุขได้

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิทรรศการออนไลน์ก็มีนะเออ

คุณรู้หรือไม่...ว่านิทรรศการก็จัดแบบออนไลน์ได้เหมือนกัน


ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักนิทรรศการกันก่อนดีกว่า


นิทรรศการมาจากภาษาอังกฤษ คำว่า Exhibition ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Display แปลว่าการจัดแสดง

ในประเทศไทยได้จัดนิทรรศการอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่6 


นิทรรศการ คือ การจัดแสดงเนื้อหา ผลงานต่างๆ ที่ได้จัดทำขึ้นหรือรวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่
โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้รับชมได้รับความรู้ ความเข้าใจ หรือแนวคิดต่างๆจากสิ่งที่จัดแสดง


โดยการจัดนิทรรศการนั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลักๆ คือ
1. วัตถุประสงค์
2. ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมาย 
3. เนื้อหา
4. ขนาดของนิทรรศการ
5. ค่าใช้จ่าย
6. ระยะเวลา


สิ่งที่นุ่นได้นำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลการจัดนิทรรศการที่สำคัญแบบคร่าวๆเท่านั้น ต่อไปเรามาดูนิทรรศการออนไลน์ของเรากันดีกว่า

นิทรรศการออนไลน์นั้นคล้ายๆกับนิทรรศการที่จัดทั่วๆไป แต่จะมีสิ่งแตกต่างกันหลักๆเลยคือสถานที่
จัดแสดง เนื่องจากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่านิทรรศการออนไลน์ เพราะฉะนั้นการจัดแสดงก็จะไม่ไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ แต่จะอยู่บนเว็บไซต์แทน ให้ผู้ชมสามารถรับชมออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์
ที่สามารถเข้าถึง ได้ทุกที่ทุกเวลา

ส่วนที่น่าสนใจสำหรับนิทรรศการออนไลน์ก็คือลักษณะของการจัดแสดง ซึ่งทั้งหมดเป็นการจัดแสดงแบบออนไลน์ก็จริง แต่จะมีความแตกต่างกันตรงการออกแบบ หากผู้จัดสามารถออกแบบให้เสมือนได้เข้าไปดูจริงๆ หรือให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมก็จะทำให้น่าสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น



ให้ข้อมูลกันมาพอสมควร นุ่นมีตัวอย่างนิทรรศการออนไลน์มาให้รับชม1งาน
เป็นนิทรรศการออนไลน์ ภาพเล่าเรื่องเมืองตานี โดย พันธกานท์ ตฤณราษฏร์
ตามlinkนี้เลยค่ะ >> http://www.oknation.net/blog/our-heart/2011/02/01/entry-1 

จะเห็นได้ว่านิทรรศการภาพเล่าเรื่องเมืองตานีนั้น ไม่ได้มีการออกแบบที่แตกต่างไปจากนิทรรศการภาพเล่าเรื่องอื่นๆเท่าไรนัก คือเป็นการนำเสนอภาพให้ดูทั่วๆไป แต่นิทรรศการภาพเล่าเรื่องส่วนใหญ่นั้น สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้รับชมก็คือภาพถ่ายนั่นเอง เพราะฉะนั้นการออกแบบการจัดแสดงอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ภาพถ่าย หากภาพถ่ายสามารถเล่าเรื่อง ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกตามที่ผู้จัดแสดงต้องการให้เป็น ให้ผู้รับชมเข้าใจได้ได้ ก็ถือว่านิทรรศการนั้นค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดี หรือจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในการจัดแสดงก็ว่าได้


สำหรับประเทศไทยนั้น นิทรรศการออนไลน์ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถ้าเทียบกับเมื่อก่อน หลังจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน จะได้รับความนิยมหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป


วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

จุดเริ่มต้น



ENDU MAGAZINE จุดเริ่มต้นของมันมาจากไหนกัน??
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ขอบอกตามตรงว่านิตยสารเล่มนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ
นอกจากอาจารย์สั่งให้ทำแล้ว อาจารย์ยังจับกลุ่มให้ด้วย โดยการจับสลาก



และแน่นอนว่าการทำงาน ทุกคนคงอยากทำกับเพื่อนสนิท เพื่อนกลุ่มเดียวกัน เพราะจะได้ทำงานง่าย คุยกันง่าย หรือเหตุผลต่างๆกันไป ซึ่งนุ่นก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ แก้ไขอะไรไม่ได้ งานของเราต้องเดินหน้าต่อไป สู้ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและวางแผลให้ดีไม่ดีกว่าหรอ


สิ่งต่างๆค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละนิด ตั้งแต่รูปแบบ ธีม คอลัมน์ เมนหลัก ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ
ไม่ใช่แค่วันเดียวที่ได้สิ่งเหล่านี้มาทั้งหมด มันต้องใช้เวลา แต่เวลามีจำกัดมากสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา ทุกอย่างที่ได้มาล้วนมีการเปลี่ยนแปลงมาแล้วอย่างน้อย2ครั้ง

กว่าจะได้หนังสือเล่มนี้มามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อมันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จนกลายมาเป็นเล่ม บอกได้คำเดียวว่า 'ภูมิใจ'

นุ่นไม่รู้ว่าหนังสืเล่มนี้จะโดนใจใครมั๊ย ถ้ามีคนอ่านจะชอบมันรึเปล่า อาจารย์จะชอบมั๊ย จะให้เกรดสวยๆรึเปล่า สำหรับตัวนุ่นเองคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงไม่โดนใจใครหลายๆคนหรอก อาจจะมีแค่ส่วนน้อยที่ชอบหรือสนใจ อาจารย์อาจจะไม่ได้ให้เกรดสวยๆตามที่นุ่นหวัง แต่มันจะไปสำคัญอะไร ในเมื่อเราภูมิใจและมีความสุขกับผลงานชิ้นนี้ แล้วก็คิดว่าสักวันถ้ามีโอกาสดีๆ หนังสือเล่มนี้คงได้เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายๆคน

ENDU MAGAZINE ... นิตยสารการศึกษาแนวใหม่ที่มุ่งเน้นทั้งข้อมูล ข่าวสาร สาระความรู้ และความบันเทิง

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ว่าด้วยเรื่องหลักการและเหตุผล



Poster หนัง HUGO


อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าครั้งนี้นุ่นจะซีเรียสนะคะ แต่วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์โปสเตอร์หนังอย่างมีหลักการกัน


ก่อนอื่นเลย มาดูกันก่อนว่า โปสเตอร์แผ่นนี้มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
ฉากหลัง กุญแจ ตัวหนังสือ ที่เด่นๆคงมี3อย่างนี้ งั้นเรามาดูกันทีละอย่างดีกว่าค่ะ

ฉากหลังในโปสเตอร์นี้จะมีสีออกน้ำเงิน เขียวๆ ดำๆ ถ้าลองมองดีๆจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้ำ หรือท้องฟ้ายามค่ำคืน

กุญแจ มีสีทอง ซึ่งเป็นสีพื้นฐานของกุญแจ ในรูปกุญแจจะมีสีทองที่เปล่งประกาย เงางาม ทำให้ดูมีคุณค่า ด้านบนจะเป็นตัวH ซึ่งเป็นอักษรย่อของชื่อหนังเรื่องนี้ ส่วนด้านล่างเป็นรูปหัวใจ ซึ่งแสดงถึงความรัก ความหวัง หรือใจ

ตัวหนังสือ มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เรียงไปตามลำดับความสำคัญ และมีสีทองเช่นเดียวกับกุญแจเพื่อให้เป็นไปในโทนเดียวดัน และดูสบายตา


พอลองๆวิเคราะห์ดูแล้ว โปสเตอร์นี้มีการใช้สีที่ดูง่าย สบายตา ภาพที่ใช้ประกอบมีความน่าสนใจ มีความหมายในตัว และใช้สีได้สอดคล้องกับพื้นหลัง 


เห็นมั๊ยหละคะว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ทฤษฎีต่างๆที่มีในโลกบางที่มันก็เชื่อถือไม่ได้นะคะ เราต้องลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางทฤษฎีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เรียนรู้แต่ไม่ได้ให้ทำตาม เพราะฉะนั้นเราก็เรียนรู้ทฤษฎีแล้วไปประกอบกับจินตนาการของเรา ไม่แน่นะคะ ผลงานของเราอาจจะไปเตะตากรรมการก็ได้ค่ะ