วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยเรื่อง ภาพยนตร์เพื่อการศึกษากับศตวรรษที่21


การปฏิรูปการศึกษาที่แท้ควรปฏิรูปกระบวนทัศน์ด้วย ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่นี้ “กระบวนการเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้” และ “ครูมิใช่ผู้มอบความรู้” แต่เป็น “ผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กและเยาวชน”

เป้าหมายของการเรียนรู้มิใช่ตัวความรู้อีกต่อไป เพราะตัวความรู้นั้นมีมายมายมหาศาลเกินกว่าที่จะมอบให้นักเรียนแต่ละชั้นปีได้ อีกทั้งนักเรียนในศตวรรษใหม่มีหนทางค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากทุกหนแห่งทั้งในสิ่งแวดล้อมและอินเทอร์เน็ต

หากการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับกระบวนทัศน์เดิม คือมอบความรู้เป็นรายวิชาก็จะไม่ทันสถานการณ์โลก ที่ควรทำคือมีกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กและเยาวชนจะเรียนรู้อะไรบ้างขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน แต่ที่ทุกคนควรมีคือความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิตและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
 เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์

การศึกษาในศตวรรษที่21นั้น จะมีความแตกต่างไปจากในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะต่างไปจากเดิม ทั้งกระบวนการเรียนรู้ ความรู้ เทคโนโลยี หรือแม้กระทั้งสื่อต่างๆที่ใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งสิ่งต่างๆจะพัฒนาไปมากหรือน้อย หรือมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย และอีกส่วนที่สำคัญคือ สื่อหรือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การเรียนรู้มีความแตกต่างกันไป


ลองมาดูสื่อการเรียนรู้ที่น่าจะได้รับการพัฒนาและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอนาคตกัน


นั่นคือภาพยนตร์เพื่อการศึกษา




ภาพยนตร์เพื่อการศึกษา คือ ภาพยนตร์ที่เสนอความรู้ตามเนื้อหาบทเรียนในหลักสูตรโดยจำกัดกลุ่มผู้ชมซึ่งเป็นผู้เรียนในชั้นเรียน

ลักษณะเด่นของสื่อชิ้นนี้ คือ ภาพยนตร์สามารถใช้ได้กับการเรียนทุกประเภท เช่น การสร้างทักษะ ในการเคลื่อนไหว (การกระทำด้วยมือ) เสริมสร้างความคิดความจำ ปลูกฝังทัศนคติ (สร้างความเข้าใจความซาบซึ้งและอุดมคติ)  และ ภาพยนตร์ยังเป็นเครื่องสร้างประสบการณ์ร่วมกันให้แก่นักเรียน (การที่นักเรียนทั้งหลายได้รู้ได้เห็นร่วมกัน เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพูด หรือการทำความเข้าใจร่วมกัน) อาจจะเป็นแนวทางช่วยในการอภิปรายและการตัดสินปัญหาร่วมกัน นอกจากนี้อาจใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องเสนอให้นักเรียนกระทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่าน การแสดงออก การจัดนิทรรศการ ฯลฯ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยังทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำในสิ่งที่เรียนได้ดีขึ้นด้วย

ถึงจะเห็นลักษณะเด่นไปในทางบวกแล้ว แต่ภาพยนตร์เพื่อการศึกษาก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านการผลิตซึ่งมีต้นทุนสูงมากและยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนด้วย ด้านดารใช้สื่อ เช่น ภาพยนตร์ที่นำไปเปิดนั้นอาจตรงตามวัตถุประสงค์ในเรื่องที่เรียนเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ยังต้องมีการพัฒนาเนื้อหาของภาพยนตร์เพื่อความเหมาะสมต่อไป

แม้ว่าภาพยนตร์เพื่อการศึกษาจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สื่อชิ้นนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมาะสมกับการเรียนรู้เป็นอย่างมากคือ สามารถเรียนรู้ได้ทุกเพศทุกวัยและทุกสถานที่ อย่างเช่นในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆมีการรองรับการใช้งานเกี่ยวกับภาพยนตร์มากขึ้น อาจจะมีการนำไฟล์ภาพยนตร์ใส่ในมือถือเพื่อไว้ดูเวลาว่าง ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเราสามารถคิด วิเคราะห์ เพิ่มเติมความรู้ และสร้างจินตนาการได้ตลอดเวลา

เราไม่จำเป็นจะต้องดูภาพยนตร์ที่เป็นความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เราสามารถดูภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ต่างๆเพื่อให้ตอบสนองกับวิถีชีวิตของคน


สื่อจะดีหรือไม่ดีผู้ใช้เป็นผู้ตัดสิน ใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ให้เหมาะสม และใช้อย่างรู้คุณค่า



ตัวอย่างภาพยนตร์เพื่อการศึกษา

I Got It! – The Sugar Episode (รายการ ไอกอทอิท ตอน น้ำตาลหวานเจี๊ยบ)


ผู้กำกับ: ABS-CBN Foundation
ผู้อำนวยการสร้าง: Goethe-Institut in Cooperation with ABS-CBN Foundation
ปีที่สร้าง: 2553
ประเทศ: ฟิลิปปินส์
ความยาว: 10 นาที


 I Got It! – The Sugar Episode ได้รับรางวัลภาพยนตร์เพื่อการศึกษาในปีพ.ศ.2554
     รางวัลนี้มอบแด่ภาพยนตร์สื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก และ เยาวชนที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ชมวัย 6 ถึง 12 ปี มีการนำเสนอและอธิบายหลักการวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสมแก่การทำความเข้าใจของเด็กในวัยเรียนซึ่งประกอบไปด้วยภาพและเสียง อีกทั้งช่วยส่งเสริมการเรียนการสอน ในห้องเรียนอีกด้วย
      คณะกรรมการมอบรางวัลภาพยนตร์เพื่อการศึกษาให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องด้วยเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับกลุ่มผู้ชมวัยเยาว์ที่มีอายุ 6 -12 ปี เป็นการนำเสนอเรื่องราวสั้นๆ สนุกสนาน ดึงดูดความสนใจ และ ให้ความรู้ได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการบริโภคความหวาน อีกทั้งได้นำเสนอให้เห็นว่าคนเราสามารถมีความสุขกับการรับประทานของหวานได้ด้วยการรับประทานผลไม้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เพื่อการศึกษาอย่างแท้จริงเพราะได้อธิบายให้เห็นถึงกระบวนการการผลิตน้ำตาลตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้มาจากต้นอ้อย นอกจากนี้ยังได้อธิบายเกี่ยวกับสรีรวิทยาในเรื่องของปุ่มรับรสบนลิ้นและความสำคัญของสมองในการวิเคราะห์การรับรสอีกด้วย


       รายการ  I Got It! ตอน The Sugar Episode มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นจริงของมุษย์ที่ว่า คนส่วนใหญ่ชอบทานของหวาน หรือแม้กระทั่งอาหารที่มีความหวานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แล้วทำไมคนถึงชอบมัน ความหวานเหล่านั้นเริ่มต้นมาจากไหน จะมีผลดีและผลเสียกับสุขภาพเราอย่างไร อย่าลืมนึกถึงผลที่จะตามมาของการบริโภคน้ำตาลด้วยหละ




เนื่องจากเป็นรายการของต่างประเทศ และมีการส่งประกวด ซึ่งข้อมูลที่หาได้นั้นมาจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ดังนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลนี้ จึงขออนุญาตแปะลิงก์เว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชม http://www.goethe.de/ins/th/prj/wif/vor/vhe/fil/th7884379.htm